หน้าหลัก > เราควรดูแลสุขภาพและระดับน้ำตาลในร่างกายอย่างไร
เราควรดูแลสุขภาพและระดับน้ำตาลในร่างกายอย่างไร

ปัจจุบันคนไทยนั้นมีผู้ป่วยเป็นโรคต่างๆ ที่สาเหตุมาจากน้ำตาลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาหารก็เป็นส่วนสำคัญในการเกิดโรคเช่นกัน อาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูงก็จะเป็น ประเภทขนมหวาน ขนมขบเคี้ยว ช็อกโกแลต เยลลี่ต่างๆ นม ข้าวขาว และขนมปัง ไม่เท่านั้นผลไม้ที่เราต่างคิดกันว่าน้ำตาลน้อยมีประโยชน์นั้นก็อุดมไปด้วยน้ำตาลมากมาย เช่น ทุเรียน กล้วยต่างๆ ลำไย ขนุน ลองกอง เงาะ ลางสาด และละมุด

เพราะฉะนั้นเราจะทานอะไรควรคำนึงถึงปริมาณที่ถูกต้องและพอเหมาะ  ยิ่งสำหรับผู้ที่ลดน้ำหนักนั้นควรคำนึงถึงการบริโภคน้ำตาลให้มาก โดยการหันมาบริโภคสารให้ความหวานแทน

น้ำตาลในอาหาร มี 2 ชนิด ได้แก่ 1. น้ำตาลตามธรรมชาติ 2. น้ำตาลที่ปรุงแต่งเสริม ( added sugar) คำแนะนำปัจจุบัน ให้ทาน น้ำตาลปรุงแต่ง น้อยกว่า 10% ของพลังงานที่ได้รับต่อวัน หรือ ประมาณ 6-9 ชช( 25-36 กรัม) ต่อวัน, ระดับน้ำตาลในเลือด หลังงดอาหาร 8 ชม คือ ไม่เกิน 100 หลังอาหาร 2 ชม ไม่เกิน 140 และ ระดับน้ำตาลสะสม ไม่เกิน 5.7

 ในกรณีที่กินน้ำตาลมากเกินไป จะเกิดโทษต่อร่างกาย อาทิ

1.ไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย

การกินน้ำตาลปริมาณมาก เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เนื่องจากน้ำตาลหลายชนิดที่เรากินเข้าไปมักจะเข้าไปเก็บสะสมไว้ที่ตับในรูปของไกลโคเจน แต่เมื่อมีปริมาณมากจนเกินไปจะทำให้ตับส่งกรดไขมันไปตามกระแสเลือด โดยจะทำให้เข้าไปสะสมตามหน้าท้อง ก้น สะโพก หรือต้นขา จนทำให้มีรูปร่างอ้วนหรือมีไขมันส่วนเกินจนไม่น่ามองนั่นเอง

2.ทำให้กระดูกและฟันไม่แข็งแรง

น้ำตาลที่มีส่วนผสมของซูโครส ถือว่าเป็นอาหารชั้นดีให้กับเหล่าแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ คราบพลัก หรือเหงือกอักเสบได้ นอกจากนี้ ก็ยังเป็นสาเหตุให้เกิดโรคกระดูพรุนได้อีกด้วย

3.ภาวะเลือดเป็นกรด

การกินน้ำตาลที่มากเกินไป โดยเฉพาะน้ำตาลเชิงเดี่ยว เช่น น้ำตาลทราย หรือน้ำตาลฟรุกโตส น้ำตาลดังกล่าวจะเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว เมื่อร่างกายรับมากจนเกินไปจะทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรดส่งผลให้ร่างกายเสียความสมดุลและระบบการทำงานของร่างกายล้มเหลวได้

4.ความดันเลือดเพิ่มสูง

น้ำตาลถือเป็นสารให้ความหวานที่มีไขมันจำนวนมาก โดยสารเหล่านี้จะทำให้เกิดกรดไขมันสะสมตามอวัยวะภายในที่สำคัญอย่างเช่น หัวใจ ตับ หรือไต ซึ่งทำให้การทำงานของอวัยวะดังกล่าวเป็นไปอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะถูกไขมันอุดตันจนทำให้เกิดอาการความดันเลือดเพิ่มสูงขึ้นได้

5.ทำให้เกิดความเครียด

หลายคนอาจจะคิดว่าการกินน้ำตาลจำนวนมากมักจะทำให้รู้สึกคลายเครียด และแม้ว่าน้ำตาลจะช่วยลดสารคอร์ติซอลที่ทำให้เกิดความเครียดได้ก็ตาม แต่ผลลัพธ์ที่ตามมากลับจะยิ่งทำให้คุณเครียดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

6.เป็นสาเหตุของโรคร้าย

น้ำตาลถือเป็นตัวร้ายที่ทำให้ร่างกายเกิดโรคได้หลายชนิด เช่น ปวดศีรษะ ปวดไมเกรน ตะคริว สิว ผื่น กระ แผลพุพอง แผลริดสีดวงทวารหนัก เบาหวาน วัณโรค โรคหัวใจ และมะเร็งตับ ซึ่งอาการเจ็บป่วยเหล่านี้ล้วนมีสาเหตุมาจากการกินน้ำตาลที่มากเกินไปทั้งสิ้น

7.ง่วงนอนมากขึ้น

หลายคนชื่นชอบการดื่มเครื่องดื่มเพื่อแก้ง่วงในช่วงเวลากลางวัน รู้ไว้เลยว่าไม่ได้ช่วยทำให้คุณหายง่วงได้อย่างแท้จริง เพราะการกินน้ำตาลหรืออาหารที่มีรสหวานจะทำให้การทำงานของสมองช้าลง ไม่สดชื่น ยิ่งเป็นเวลาในช่วงบ่ายด้วยแล้ว ยิ่งจะทำให้คุณง่วงนอนมากขึ้นเป็นสองเท่าเลยทีเดียว

8.ทำให้แก่เร็ว

น้ำตาลไม่ได้มีผลเสียต่อสุขภาพแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อด้านผิวพรรณหรือความงามอีกด้วย เพราะเมื่อเรากินน้ำตาลเข้าไป มันจะเข้าไปทำลายโครงสร้างของคอลลาเจนและอีลาสตินที่อยู่ในชั้นผิว จนทำให้เซลล์ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ผิวไม่กระชับเต่งตึงดังเดิม ส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นเร็วนั่นเอง

 

#primasukafiberplus #พรีมาซูกะไฟเบอร์พลัส #สารให้ความหวานแทนน้ำตาลพรีมา #หญ้าหวานพรีมา #หญ้าหวานออร์แกนิคพรีมา #หญ้าหวาน #Stevia #พรีมา #prima #primagroup #primacare #primacaregroup #primagroupofficial #สารให้ความหวานแทนน้ำตาล #steviasweetener #หญ้าหวานออร์แกนิค #เบาหวาน #หวานธรรมชาติ #ควบคุมน้ำหนัก #ควบคุมน้ำตาล #ลดความอ้วน #ผู้ป่วยเบาหวาน #สารให้ความหวานผู้ป่วยเบาหวาน

ร้านค้าออนไลน์
© 2006-2024
Vevo Systems Co., Ltd.