รู้จัก Anti-Aging โอกาสทางธุรกิจ เมื่อเทรนด์ดูแลสุขภาพ ที่วันนี้เติบโตแบบก้าวกระโดด
18 Apr, 2024 / By
primacaregroup
ซึ่งถ้าพูดถึง 'จักรวาล Wellness' นั้นมีหลายประเภทธุรกิจใน Cycle นี้ เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ , ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเสริม , เทคโนโลยีและวิทยาการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย , วิธีการบำบัดฟื้นฟูสุขภาพร่างกายและจิตใจ , สปา-นวดอโรมาเธอราปี ฯลฯ
รวมถึง Anti-Aging (แอนไท-เอจจิ้ง) ที่เราจะขอหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังกับเพื่อน ๆ เพื่อให้ไม่ตกกับเทรนด์ใหม่สำหรับคนรักสุขภาพ ทั้งนี้ เพื่อน ๆ ผู้ประกอบการธุรกิจหลาย ๆ ท่าน อาจจะต่อยอด Anti-Aging หรือการให้บริการด้านสุขภาพให้กับลูกค้าที่สนใจ ช่วยสร้างฐานลูกค้าใหม่ ๆ และเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจคุณได้อีกด้วย
Anti-Aging เป็นเทรนด์การดูแลสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยจริง ๆ แล้ว ย้อนกลับไปประมาณ 10 ปี ระดับหรือขนาดของตลาดธุรกิจสุขภาพและการชะลอวัยทั่วโลกนั้น มีอัตราการเติบโตในแต่ละปีสูงมาก ๆ
โดยในปี พ.ศ.2565 มูลค่าตลาดสุขภาพทั่วโลก สูงถึง 67.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณ 2.34 ล้านล้านบาท ซึ่งก็มีการคาดการณ์ว่า ในอีก 5 ปี ข้างหน้า คือปี พ.ศ.2571 (ปี 2028) มูลค่าของธุรกิจหรือตลาดนี้ จะพุ่งสูงถึง 98.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3.43 ล้านล้านบาท !
รู้จัก Anti-Aging โอกาสทางธุรกิจ เมื่อเทรนด์ดูแลสุขภาพ ที่วันนี้เติบโตแบบก้าวกระโดด
Anti-Aging คืออะไร ? เกี่ยวข้องกับธุรกิจอย่างไร ?
โดยปกติแล้ว คนเราเมื่อใช้ร่างกายอย่างหักโหม หรือทำงานหนัก รวมถึงผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี จะเริ่มมีสัญญานบ่งบอกถึงสาเหตุของความเสื่อม ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคและความชรา ซึ่ง "เวชศาตร์ชะลอวัย และการฟื้นฟูร่างกาย" ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้คุณห่างไกลจากโรคภัยที่เกิดขึ้นตามอายุ รวมถึงการแก่กว่าวัย
จึงได้เกิดศาสตร์ใหม่แห่งการรักษาสุขภาพจากภายในที่เรียกว่า "เวชศาสตร์ชะลอวัย" (Anti-aging medicine) ที่ต่อมาสามารถสร้างมูลค่าอย่างมหาศาล จากการที่มี Demand หรือความต้องการจ่ายของผู้บริโภคจำนวนมากเพื่อรักษา ฟื้นฟู ทำให้สุขภาพตัวเองหนุ่มสาวกว่าวัย
ด้วยเหตุนี้ 'แอนไท-เอจจิ้ง' จึงกลายเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดจนนวัตกรรม เครื่องมือและวิทยาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ขนาดถึงกับมีการวิเคราะห์ลงลึกไปถึงระดับพันธุกรรม การทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ของอวัยวะภายในร่างกายของคนเรา เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนการดูแลรักษาสุขภาพ เพื่อป้องกันการเกิดโรคและชะลอความเสื่อมของร่างกาย
เวชศาสตร์ชะลอวัย และฟื้นฟูสุขภาพ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องหลัก ๆ มีดังนี้
• อาหาร (Nutrition)
• อาหารเสริม (Nutraceutical)
• ฮอร์โมน (Hormone)
• การใช้ชีวิตในแต่ละวัน (Lifestyle)
• การออกกำลังกาย (Exercise)
• การแพทย์บูรณาการ (Integrative Medicine)
• ความงาม (Aesthetic)
Anti-Aging เหมาะสมกับใคร ?
Anti-Aging (แอนไท-เอจจิ้ง) หรือ "เวชศาสตร์ชะลอวัย" เหมาะกับผู้ที่ใส่ใจในภาวะสุขภาพ ต้องการมีอายุที่ยืนยาว โดยปราศจาคโรค และผู้ที่ต้องการทำให้ตนเองดูดีอยู่เสมอ
โดยเป็นศาสตร์ที่ผูกพันกับไลฟ์สไตล์ของคนแทบทุกเจนเนอเรชัน ตั้งแต่เป็นทารกจนย่างเข้าวัยชรา ภายใต้เงื่อนไข ทำอย่างไร ? เราจะมีอายุยืนยาว สุขภาพดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ทั้งนี้ สามารถจำแนกเป็นกลุ่มหลัก ๆ ตัวอย่างเช่น
1. กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงจากกรรมพันธุ์ : อาทิ พ่อแม่หรือคนในครอบครัวมีประวัติป่วยเป็นโรคต่าง ๆ อาทิเช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคความดันโลหิตสูง
2. กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว : อาทิ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคระบบกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นอักเสบ โรคไขมันในเลือดสูง โรคผื่นคันผิดปกติต่างๆ , ภาวะอาการปวดเรื้อรังบางชนิด
3. กลุ่มคนที่อยากรักษาสุขภาพ ชะลอความแก่ : เพราะอาการบางอาการ เช่น เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่นหลังตื่นนอน นอนไม่หลับ ซึ่งการไปตรวจที่โรงพยาบาลอาจจะยังไม่พบสาเหตุหรือสามารถแก้ไขได้ จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาแบบ Anti-Aging
ขั้นตอน/วิธีการดูแลสุขภาพ Anti-Aging
Consult : แพทย์จะสอบถามประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้นของคนไข้โดยละเอียด ทั้งในเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวัน การรับประทานอาหาร การทำงาน การออกกำลังกาย การพักผ่อน การเข้านอนและการตื่นนอนในแต่ละวันเป็นอย่างไร เพื่อตรวจหาสมมุติฐานเบื้องต้นถึงสาเหตุของอาการผิดปกติหรือโรคที่เป็นอยู่
Analyze : แพทย์จะนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากการสอบถามคนไข้และการตรวจร่างกายเบื้องต้นมาวิเคราะห์ และเลือกการตรวจสอบขั้นตอนต่อไปตามความเหมาะสมสำหรับแต่ละคน เช่น การตรวจหยดเลือดทางกล้องจุลทรรศน์เพื่อประเมินความผิดปกติเบื้องต้น ตรวจการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ตรวจระดับฮอร์โมน ตรวจระดับวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น
Check Up : การตรวจสุขภาพแบบ Anti-Aging จะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และได้มาตรฐานสากลระดับโลก เพราะการตรวจสุขภาพแบบ Anti-Aging จะลงลึกและละเอียดมากกว่าการตรวจสุขภาพแบบทั่วไปของโรงพยาบาล โดยจะสามารถวิเคราะห์ถึงการทำงานของระดับเซลล์ได้เลย ซึ่งถ้ามีการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์ เราจะสามารถตรวจพบและแก้ไขได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่เริ่มต้น
Treatment : แพทย์จะออกแบบโปรแกรมการรักษาแบบเฉพาะแต่ละบุคคลเพื่อความเหมาะสมและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับคนไข้ โดยการรักษาจะมีการ follow up ทุก ๆ 1-2 สัปดาห์ เพื่อติดตามผลและดูการเปลี่ยนแปลงการร่างกาย ทั้งนี้คนไข้จะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนตั้งแต่ 2 ส้ปดาห์แรก
การรักษาในแนวทาง Anti-Aging
1. การปรับการใช้ชีวิตประจำวัน : การใช้ชีวิตที่สมดุลและถูกต้องคือวิธีรักษาร่างกายที่ดีที่สุดทางธรรมชาติ โดยแพทย์จะแนะนำคนไข้ในเรื่องของ การรับประทานอาหารที่ถูกต้อง การพักผ่อนที่เพียงพอ การออกกำลังกาย การจัดการกับความเครียด ซึ่งแต่ละคนจะมีการออกแบบการใช้ชีวิตแตกต่างกันไป เนื่องด้วยแต่ละคน สภาพร่างกายมีความแตกต่างกันไป
2. อาหารเสริมด้วยวิตามินและฮอร์โมน : ในกรณีที่ร่างกายมีปัญหาในระบบการทำงาน หรือ ร่างกายเริ่มมีความเสื่อมด้วยอายุที่มากขึ้น แพทย์จะแนะนำให้ใช้อาหารเสริมที่มาจากธรรมชาติ โดยออกแบบวิตามินและฮอร์โมนที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลนั้น ๆ โดยใช้ผลจากการตรวจเป็นข้อมูลอ้างอิง ซึ่งจะทำให้ร่างกายฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเองได้ดีมากขึ้น
3. กลุ่ม Stem Cell : อีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดีและกำลังเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง นั่นก็คือการรักษาด้วย Stem Cell หรือ เซลล์ต้นกำเนิดนั่นเอง การรักษาด้วย Stem Cell ถือเป็นการรักษาที่ตรงจุดและแก้ที่สาเหตุโดยตรง เพราะเมื่อเราฉีด Stem Cell เข้าไปในร่างกาย Stem Cell จะเข้าไปช่วยสร้างและช่วยในการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนเซลล์ต่าง ๆ จากเซลล์เดิมที่เสื่อมสภาพหรือตายไป ทำให้ร่างกายเรากลับมาแข็งแรงเหมือนวัยหนุ่มวัยสาวอีกครั้ง
CR : smartsme
#พรีมา #prima #primagroup #primacaregroup #primasukafiberplus #สารให้ความหวานแทนน้ำตาล #หญ้าหวาน #stevia #primavitallifeprobiotic #โปรไบโอติค #โพรไบโอติค #Probiotic #primacoffeemasterpiece #primacoffeevitallife #ชะลอวัย #ดูแลสุขภาพ #ชะลอความเสื่อม #เทรนด์ดูแลสุขภาพ