เช็คให้ชัวร์ ! คุณเป็นภูมิแพ้ประเภทไหน…รับมืออย่างตรงจุด
16 Jan, 2023 / By
primacaregroup
เช็คให้ชัวร์ ! คุณเป็นภูมิแพ้ประเภทไหน…รับมืออย่างตรงจุด
หน้าฝนกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย หลายคนอาจมีอาการ จาม คัน/คัดจมูก อาจมีน้ำมูกไหล และคิดว่าเป็นแค่ “ภูมิแพ้” แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของโรคนี้ และตระหนักถึงความสำคัญของการหาสาเหตุ เพื่อนำไปสู่การรักษาที่ถูกต้อง
โรคภูมิแพ้คืออะไร ?
โรคภูมิแพ้สามารถพบได้ทุกเพศ และเกือบจะทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก วัยรุ่น และวัยทำงาน ข้อมูลปัจจุบันพบว่าประชากรไทยจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ และอัตราการเกิดโรคภูมิแพ้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยวิถีชีวิตแบบคนเมือง ไม่ว่าจะเป็นภาวะเครียด การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การเผชิญกับมลภาวะทั้งในและนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นควันบุหรี่ ควันธูป ควันจากท่อไอเสียรถยนต์หรือโรงงานอุตสาหกรรม ที่ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ PM 2.5 ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริมและกระตุ้นการเกิดโรคภูมิแพ้ อีกทั้งยังเป็นปัจจัยกระตุ้นที่ส่งผลให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้ที่เป็นอยู่รุนแรงมากขึ้น จนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนโดยเฉพาะคนเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นพ.นราพงษ์ โยธินนรธรรม อายุรแพทย์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันทางคลินิก โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ (PRINCIPAL HEALTHCARE) อธิบายโรคภูมิแพ้ว่า เป็นโรคที่เกิดจากร่างกายสร้างปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ตอบสนองต่อร่างกายของสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งสารนี้พบได้บ่อยได้แก่สารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในอากาศ โดยปฏิกิริยาดังกล่าวไม่ได้เกิดในทุกคน แต่มีปัจจัยเรื่องของพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมเข้ามาเกี่ยวข้อง
ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้มีอะไรบ้าง ?
- ปัจจัยทางพันธุกรรม โดยพบว่า ถ้าไม่มีประวัติโรคภูมิแพ้ในครอบครัว จะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ประมาณร้อยละ 12 ถ้าบิดาหรือมารดาเป็นโรคภูมิแพ้ จะทำให้มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 30-50 ถ้าบิดาและมารดาเป็นโรคภูมิแพ้ทั้งคู่ จะทำให้โอกาสเป็นโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 60-80
- ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญมาก เนื่องจากสารก่อให้เกิดภูมิแพ้อยู่ในอากาศรอบตัวเรา ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายมีปฏิกิริยากับสิ่งไหน ได้แก่ ไรฝุ่น ขนสุนัขหรือขนแมว เชื้อรา แมลงสาบ ละอองเกสรหญ้าและวัชพืชต่าง ๆ เช่น หญ้าแพรก หญ้าพง ผักโขม เป็นต้น
โรคภูมิแพ้แบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท ?
โรคภูมิแพ้จำแนกตามระบบเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่
- โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจส่วนบน หรือโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ (Allergic rhinitis) โดยอาการที่พบได้แก่ น้ำมูกใส คัดจมูก คันจมูก และจามต่อเนื่องติดต่อกันหลายครั้ง
- โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจส่วนล่าง หรือโรคหืด (Asthma) อาการที่พบได้แก่ ไอ หายใจหอบเหนื่อย หายใจมีเสียงวี้ด แน่นหน้าอก ซึ่งผู้ป่วยมักมีอาการมากในตอนเช้ามืดหรือก่อนนอน หรือช่วงที่อากาศเย็นหรือชื้น
- โรคภูมิแพ้ตาอักเสบ (Allergic conjunctivitis) อาการที่พบได้แก่ ตาแดง เคืองหรือคันตา น้ำตาไหล
- โรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) จะมีภาวะผิวแห้งคัน ผื่นผิวหนังอักเสบเป็น ๆ หาย ๆ
ทั้งนี้ผู้ป่วยแต่ละรายอาจมีอาการแสดงที่แตกต่างกัน โดยบางรายอาจมีอาการแสดงน้อยมากจนคุ้นชินและไม่ได้คิดว่าตนจะเป็นโรคภูมิแพ้ หรือในบางรายมีอาการแสดงแค่ครั้งคราว ทำให้ผู้ป่วยไม่ได้ตระหนักเห็นถึงความสำคัญ และไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม จนนำไปสู่อาการที่รุนแรงตามมา ซึ่งอาจส่งกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในระยะยาวได้
โรคภูมิแพ้ สามารถตรวจวินิจฉัยได้อย่างไร ?
นพ.นราพงษ์ ยังกล่าวถึงการตรวจวินิจฉัยและหาสาเหตุของโรคภูมิแพ้อีกว่า เมื่อผู้ป่วยเข้าข่ายสงสัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้ แพทย์จะมีแนวทางการตรวจยืนยันการวินิจฉัยด้วย 2 วิธีหลัก ได้แก่
- การทดสอบทางผิวหนัง (Skin test) การทดสอบภูมิแพ้ด้วยวิธีสะกิดบริเวณผิวหนังที่แขน (Skin prick test) โดยการใช้น้ำยาที่สกัดจากสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในอากาศ
- วิธีการเจาะเลือด (Blood test) การเจาะเลือดเพื่อส่งตรวจปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันต่อสารก่อภูมิแพ้ที่สงสัย (Specific IgE)
สามารถรักษาโรคภูมิแพ้ได้อย่างไร ?
เมื่อทราบสาเหตุของการเป็นโรคภูมิแพ้แล้ว ผู้ป่วยควรรับการรักษาและติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
- การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ (allergen avoidance) เป็นการรักษาที่ต้นเหตุ ตรงจุด และสามารถป้องกันการกำเริบของโรคได้
- การรักษาด้วยยา (medications) ยาที่ใช้ขึ้นกับชนิดและความรุนแรงของโรคภูมิแพ้
- โรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ (Allergic rhinitis): ยาพ่นจมูก ยาแก้แพ้ และการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ
- โรคหืด (Asthma): ยาพ่นกลุ่มสเตียรอยด์ร่วมกับยาพ่นขยายหลอดลม
- โรคภูมิแพ้ตาอักเสบ (Allergic conjunctivitis): ยาหยอดตา และยาแก้แพ้
- โรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis): การดูแลผิวหนังอย่างถูกวิธี เช่น การทาครีมชุ่มชื้นที่มีโอกาสเกิดการแพ้น้อย (hypoallergenic) อย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการใช้ยาทาลดการอักเสบที่เหมาะสม
- การรักษาด้วยวัคซีนภูมิแพ้ (Allergen Immunotherapy) โดยข้อบ่งชี้คือผู้ป่วยมีภาวะภูมิแพ้รุนแรงที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยามาตรฐาน ซึ่งมี 2 วิธีหลัก ได้แก่ การฉีดใต้ผิวหนัง (Subcutaneous immunotherapy) และการอมยาใต้ลิ้น (Sublingual immunotherapy)
- การรักษาภาวะแทรกซ้อน (complications) เช่น โรคไซนัสอักเสบ ภาวะหลอดลมตีบถาวร ภาวะติดเชื้อแทรกซ้อนทางผิวหนัง เป็นต้น
นอกจากนี้การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงภาวะเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริมให้โรคภูมิแพ้ดีขึ้นได้เช่นเดียวกัน
CR. princhealth
#prima #primagroup #primacaregroup #primasukafiberplus #สารให้ความหวานแทนน้ำตาล #หญ้าหวา #stevia #primavitallifeprobiotic #โปรไบโอติค #โพรไบโอติค #Probiotic #primacoffeemasterpiece #primacoffeevitallife #ภูมิแพ้#โรคภูมิแพ้#เป็นหวัด #ไม่สบาย